ประวัติศาสตร์จะตัดสินเรา

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา Forbes Global  CEO Conference ครั้งที่ 18 โดยกล่าวว่า ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ในบางครั้งต้องสารวนกับเรื่องระยะสั้น เรื่องของการให้คะแนนเสียง แต่สำหรับสิ่งที่ต้องการวางพื้นฐานอนาคตระยะยาวเป็นเรื่องที่ยากมาก รัฐบาลอยู่ได้ 2-3 ปี เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างจริงจัง ตนเองเมื่อกลับมาอีกครั้งจึงมีความตั้งใจเปลี่ยนแปลงประเทศ จังหวะเวลานี้สำคัญที่สุด ฉะนั้นภารกิจที่ผ่านมาถือว่าเราจริงจังกับมันมาก ส่วนเศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะคิดอย่างไร 3 ปีที่ผ่านมา จากการเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าผู้ป่วยแห่งอาเซียน ตอนนั้นเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าร้อยละ 1  ขณะนี้เศรษฐกิจโตกระโดดขึ้นโตร้อยละ 4.8  แต่ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปรับจีดีพีให้สูงขึ้นจากกองทุนการระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)และจากธนาคารพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคเข้มแข็งทุกตัว ไทยมีหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลบัญชีบัญชีเดินสะพัด ดุลชำระเงินเข้มแข็ง การปรับระดับต่าง ๆ ของไทยดีขึ้น นี่คือสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมา