“สมคิด”กดปุ่ม “สินเชื่อ 1 ตำบล 1 SMEs ปั้นเถ้าแก่เกษตร

 

ขณะที่นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ผลการดำเนินโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร มาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้ให้สินเชื่อแก่กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs เกษตรประกอบไปด้วย เกษตรกร, บุคคล, ผู้ประกอบการ, กลุ่มเกษตรกร, สหกรณ์ภาคการเกษตร, วิสาหกิจชุมชนและกองทุนหมู่บ้านไปแล้วทั่วประเทศ จำนวน 4,814 ราย วงเงินสินเชื่อ 5,156 ล้านบาท

          โดยธ.ก.ส.มีเป้าหมายในการดำเนินโครงการนี้เพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs เกษตรจำนวน 7,305 ราย วงเงิน 72,000 ล้านบาท หรือทุกตำบลต้องมีผู้ประกอบการ SMEs เกษตรอย่างน้อย 1 ราย เพื่อให้เป็นตัวอย่างหรือเป็นหัวขบวนในการขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างภาคการเกษตรของไทย โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของเกษตรกรหรือชุมชน และการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนในกระบวนการผลิต การรวบรวม การแปรรูป การตลาด และการบริการ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้ประกอบการ SMEs เกษตร

          ทั้งนี้โครงการดังกล่าวธ.ก.ส.กำหนดวงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท ตั้งแต่ปีที่ 1-7 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 8 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยตามประเภทของลูกค้าผู้กู้ แต่ละรายในอัตรา MRR หรือ MLR แล้วแต่กรณี และกำหนดให้จัดทำหนังสือกู้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 สำหรับหลักประกันในการกู้ยืมให้ใช้หลักประกันหนี้เงินกู้เป็นไปตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติของธนาคาร กรณีที่ใช้หลักประกันไม่เพียงพอให้สามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการได้

          "ธ.ก.ส.มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเกษตรให้มีความเข้มแข็งและเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สนับสนุนให้เกษตรกรปรับตัวเป็นผู้ประกอบการภาคเกษตร การนำนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในภาคชนบทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง มีความยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมีคุณภาพ ก่อให้เกิดการจ้างแรงงาน เป็นการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม" นายลักษณ์ กล่าว

          ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ยังได้กล่าวต่อว่าวันนี้ได้จัดประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานในปีบัญชี 2559 (1 เม.ย.59 – 31มี.ค.60)ให้กับพนักงานทั่วประเทศกว่า 1,500 คนโดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนแบบองค์รวม การเพิ่มขีดความสามารถภาคเกษตร การพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรองรับการดำเนินกิจกรรมของเกษตรกรลูกค้าและชุมชน นอกจากนี้ยังมุ่งไปที่การสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในแต่ละกิจกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่าสินค้าเกษตรภายใต้หลักการบูรณาการแผนงานความร่วมมือแบบประชารัฐ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป