โครงการขนาดใหญ่เดินหน้าแน่นอน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ปีแห่งการลงทุน:เปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส” ภายในงานสัมมนา “Thailand Investment Year What’s news” โดยกล่าวว่า ประเทศไทยนั้นมีอุบัติเหตุทางการเมืองเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น ผู้นำของการเปลี่ยนแปลงคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการยุติความสับสนวุ่นวายที่ทำให้ประเทศย่ำแย่ ตอนนั้นประเทศไทยมีอัตราการเติบโตแค่ 0.9 เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศไทยที่มีทรัพยากรขนาดนี้จะมีอัตราการเติบโตเพียงเท่านั้น สังคมไทยไม่เคยมีการทะเลาะเบาะแว้ง วันนั้นเป็นวันที่เรามีการทะเลาะเบาะแว้งรุนแรงอย่างยิ่ง ฉะนั้นการปฏิวัติรัฐประหารในครั้งนั้นจึงไม่ใช่เพื่อการยึดอำนาจ แต่เป็นการเข้ามาเพื่อรักษาความสงบ นำประเทศไทยกลับไปสู่ภาวะที่เป็นปกติ ผมมาดูแลเศรษฐกิจหลังจากนั้น 1 ปี ไม่ได้มาเพื่อเอาตำแหน่ง แต่เรามาเพราะรู้ว่าประเทศไทยในช่วงนั้นถ้าไม่แก้ไขจะลำบากอย่างที่ไม่ควรจะเป็นเลย

 

4 ปีที่ผ่านมาเราเปลี่ยนวิกฤตมาเป็นโอกาสที่หายากมาก โครงการต่างๆ ไม่เคยมีมาเลยในประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ในสมองที่ต้องการเปลี่ยนประเทศให้เข้มแข็ง ใช้บีโอไอให้เป็นประโยชน์ เดินสายในต่างประเทศในแต่ละครั้งมีความหมายทั้งสิ้น ช่วงที่มีความวุ่นวาย เราแทบไม่มีการติดต่อกับต่างประเทศในเชิงนัยยะทางยุทธศาสตร์ แต่พอการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความคืบหน้าเรื่องการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ความคืบหน้าเชิงยุทธศาสตร์ ความคืบหน้าเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา เป็นไปอย่างมีความหมาย จากที่เป็นคนป่วยแห่งเอเชีย 5 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างพลิกโฉมทั้งสิ้น มาสู่จุดที่ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่เป็นพลวัตร นอกจากนี้เรายังมีภูมิรัฐศาสตร์ที่โดดเด่น เศรษฐกิจจะรุ่งโรจน์  แต่งานยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้ มีทั้งข้อดีและจุดที่คนกังวล ข้อดีคือไทยกลับสู่สังคมโลกอีกครั้งหนึ่ง แต่จุดกังวลของนักลงทุนคือจะมีความต่อเนื่องหรือไม่ เงินลงทุนที่เป็นแสนๆ ล้านจะสูญหายหรือไม่ เชื่อว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงก็แย่แล้ว และโครงการขนาดใหญ่เช่นอีอีซีได้มีออกเป็นกฎหมายเฉพาะรองรับ ระบุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติแน่นอน โครงการใหญ่ๆ ที่อยู่ในอีอีซีประมูลหมดแน่นอน