โครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่น 2 ตอนที่ 1

 

                ตัวผมเองนั้นเมื่อพ้นจากการเมืองไปจริงๆ แล้วก็หลีกเลี่ยงการที่จะบรรยายในพื้นที่สาธารณะ ก็ไม่อยากจะให้คำพูดของผมไปกระทบใครเข้าโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้ต้องเรียนว่าผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะรับใช้ และในวันนี้ก็ตั้งใจจะมาบอกเล่าพูดคุยและถ้าเป็นไปได้ ก็แลกเปลี่ยนความเห็นกันและกันจากสิ่งที่เห็นและประสบมา

 ถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วนะครับ ที่ผมพ้นจากหน้าที่ทางการเมืองไป เวลามันผ่านพ้นไปเร็วมากจริง ๆ แต่การที่ผ่านพ้นไปนั้นผมมองว่ามีคุณค่าอย่างยิ่งมันทำให้เรามีโอกาสใช้เวลาคิดทบทวน ถึงสิ่งที่ทำมาในอดีต ว่าอะไรที่เป็นจุดแข็ง อะไรที่เป็นจุดอ่อน ทำให้มีโอกาสที่จะเดินทางไปเห็นด้วยตาหรือเรียนรู้ถึงพัฒนาการใหม่ ๆ ของประเทศที่เขาประสบความสำเร็จ ว่าอะไรทำให้เขาประสบความสำเร็จ อะไรทำให้เขาล้มเหลว ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะเอาบทเรียนเหล่านั้น หากมีโอกาสก็จะมาสื่อความให้ลูกศิษย์ฟัง เป็นบทเรียนแก่คนรุ่นหลังว่าถ้าเขามีโอกาสทำงานเพื่อสังคม มีโอกาสรับใช้บ้านเมืองนั้น อะไรที่เขาจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง

ประเทศที่ผมมีโอกาสเดินทางไปบ่อยครั้งที่สุด ก็คือประเทศ จีนนะครับ เดินทางไปแทบทุกมณฑล และถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามพบปะผู้บริหารระดับสูงของเขา ต้องเรียนตามตรงว่าประเทศจีนวันนี้ที่พบเห็นนั้นในแทบทุกมณฑลเขาพัฒนาไปไกลมาก ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ได้มาจากน้ำมือ หรือความคิดของคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มันมาจากคณะผู้นำใหม่ๆ ของเขา ที่พร้อมจะทุ่มเทในการรับใช้บ้านเมือง แต่ละมณฑลที่ผมไปพบนั้นผมเห็นคนที่อายุไม่เกิน 50 โดยเฉลี่ย ในสายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยประกายในการต้องการทำงาน แข่งขันกัน ทำงานเพื่อบ้านเมืองของเขา ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งแต่แทบทุกมณฑล ผมเห็นบ้านเมืองของประเทศจีนแล้วหลายครั้งก็คิดถึงเมืองไทย ว่าเมื่อไหร่เมืองไทยนั้นเราจะได้คณะผู้นำใหม่ ๆ คนใหม่ ๆ ที่มีไฟในหัวใจ มีความคิดในมันสมอง เข้ามารับใช้บ้านเมือง

 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเห็นด้วยตา ในบางประเทศของสแกนดิเนเวียกลุ่มประเทศเหล่านี้ ประมาณ 10 ปีที่แล้ว ล้วนมีปัญหาเศรษฐกิจทั้งสิ้น บางประเทศนั้นมีหนี้สินรุงรัง ความสามารถในการแข่งขันน้อยลง แต่ในเวลาแค่ 10ปีที่ผ่านมาเขาสามารถพลิกสถานะประเทศของเขากลายเป็น ผู้นำทางการศึกษา ในเรื่องทางการทดลองค้นคว้าวิจัย ในการขับเคลื่อนประเทศโดยใช้นวัตกรรม อย่างเช่น  ประเทศสวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ กลายเป็นประเทศตัวอย่างที่ทุกภาคส่วนนั้นผลักดันโดยการศึกษาทั้งสิ้น สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ นั้นในสายตาของผมนั้นเขาขึ้นไปอีกระดับนึงแล้ว ระดับที่ไม่เพียงแต่สามารถสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจโดยการใช้นวัตกรรม แต่เขาสามารถยกระดับจิตใจคนในชาติของเขานั้นขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งผมเรียนตามตรงว่าประทับใจมากทีเดียว

ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากสิงคโปร์และก็อินโดนีเซีย ที่สิงคโปร์ผมเรียนตรงๆ ว่า สมัยก่อนเมื่อเรายังอยู่ในการเมืองนั้น เคยแอบหวังลึก ๆ  ว่าวันหนึ่งเราจะสามารถเอาชนะสิงคโปร์ได้ ผมเชื่อว่าเมืองไทยนั้นไม่ได้แพ้สิงคโปร์ เราสามารถดึงดูดการลงทุนให้มาที่ประเทศไทยได้มากกว่าสิงคโปร์ ยิ่งการท่องเที่ยวแล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะแพ้สิงคโปร์ได้เลย สิงค์โปร์ในเวลานั้นเขาก็รู้ เขาใช้ไทยเดินข้างหน้า เขายืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเดินหน้าของประเทศไทย แต่การที่ไปครั้งนี้หลังจากที่ไม่ได้ไปประมาณ 7-8 ปี จากที่ผมได้เห็นมานั้น ความหวังในการที่จะแข่งกับสิงคโปร์ให้ได้นั้นริบหรี่มากคงจะใช้เวลานานทีเดียว ที่ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างเราในอาเซียนนั้นจะแข่งกับสิงคโปร์ ในช่วงเวลาที่กลุ่มประเทศทั้งหลายประสบภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์กลับใช้จังหวะเวลานี้ลงทุนเพื่ออนาคต สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความสามารถอย่างยิ่งในการบริหารจัดการ เดิมทีนั้นเขาเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ถูกมาเลเซียดีดออกไป ช่วงประมาณปี 1965 ถ้าผมจำไม่ผิด สิงคโปร์ถูกตัดขาดจากมาเลเซีย ไม่มีน้ำดื่ม เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ไม่มีอะไรเลย กระทั่งสิงคโปร์สามารถเชื่อมโยงในการขนส่งช่องแคบมะละกา จากนั้นสิงคโปร์สามารถเข้าไปสู่การผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สิงคโปร์สามารถผลักดันให้อาเซียนกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มารวมกัน ถามว่าทำไมสิงคโปร์ถึงชูอาเซียน? ก็ลำพังสิงคโปร์เป็นประเทศนิดเดียว ไม่มีความหมาย สิงคโปร์จะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีอาเซียนและทำให้สิงคโปร์โดนเด่นที่สุดในอาเซียน เพื่อดึงดูดทุกสิ่งมาสู่สิงคโปร์ แต่สิงคโปร์ไม่ได้ผลักดันอาเซียนและเอนจอยกับอาเซียนเพียงอย่างเดียว เขากระจายการส่งออกของเขาไปทุกประเทศใหญ่ๆในโลก ไม่ว่าอเมริกา EU ญี่ปุ่น 

 EU นั้น สิงคโปร์ใช้เมืองไทยเป็นฐานในการผลักดันให้มีการประชุมร่วมระหว่าง EU กับ เอเชีย แต่ประเทศอย่างสิงคโปร์ไม่เคยติดยึดกับสิ่งที่คงที่ เมื่อเศรษฐกิจโลกตกต่ำ รัฐบาลเขาออกนโยบายทันทีว่าสิงคโปร์ต้องเติบโตพร้อมกับประประเทศจีน สิงคโปร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก สามารถเกาะประเทศจีน เพิ่มการส่งออกและดึงการลงทุนจากจีนไปสู่สิงคโปร์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ 2 โครงการที่เขาทำในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ในช่วงที่เรามีแต่ความสับสนในประเทศของเรา โครงการที่ผมเห็นคือโครงการ Marina Bay เมืองไทยรู้จัก Marina Bay ในฐานะที่มี มีโรงแรม รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีคาสิโน แต่จริงๆ แล้วมันมากกว่านั้น สิงคโปร์ทราบดีว่าเขาไม่มีอะไรดึงดูดนักท่องเที่ยวได้นอกจากการช้อปปิ้ง  คุณไปช้อปปิ้งที่ ถนน Orchard 10 กว่าปีก่อนมีความหมายแต่ตอนนี้ Orchard ไม่สามารถมาเทียบการท่องเที่ยวที่ช้อปปิ้งเมืองไทยได้เลย เราดีกว่า เราพร้อมกว่า แต่เขาไปหยิบ Marina Bay ทำเขื่อนขึ้นมา เป็นน้ำจืด เขาสร้างโรงแรมใช้เงินมหาศาลเพื่อสร้าง  entertainment complex โดยที่มีคาสิโนเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่เป็นคาสิโนซึ่งเขาพยายามล็อคไม่ให้คนสิงคโปร์ไปเล่น แต่ให้คนชาติอื่นไปเล่น ใน Marina Bay ที่ผมเห็นนั้นเขารู้จักสร้าง โรงละครโอเปร่า สวยงามและยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ Sydney ที่ออสเตรเรีย เขาสามารถสร้าง สิ่งที่เขาเรียกว่า Garden by the bay คือทำสวนริมอ่าว ซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์นานาประเภท เพื่อดึงดูดให้คนไปเที่ยว  Marina Bay เขาสร้าง Museum เป็นรูปดอกบัว ศิลปกรรมสมัยใหม่อยู่ตรงกลาง Marina Bay  เขาสร้าง Museum ขึ้นมาเพื่อให้คนทั้งหลายเข้าไป enjoy เขาสร้างกังหันเพื่อให้คนเข้าไปท่องเที่ยว ไปดูวิว ของสิงคโปร์ ภายในเวลาแค่ 1-2 ปี ที่เปิดโครงการ arina Bay รีสอร์ท จำนวนท่องเที่ยวสูงเป็นประวัติกาลไม่เคยสูงเท่าปัจจุบันนี้เลย